1. ประเด็นของข้อมูลที่เก็บและวิธีเก็บข้อมูล

    1. a. ประเด็นของข้อมูลที่เก็บ
      1. บริษัทต้องเชื่อมต่อบริการ ไปยังบัญชี Facebook Google PAYCO ของคุณ เพื่อลงทะเบียน และในการดำเนินการ บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปนี้จาก Facebook Google PAYCO เพื่อเปิดใช้งานบัญชีของคุณ โดยจะมีรายละเอียดการจัดเก็บข้อมูลดังนี้ (ข้อมูลที่มีเครื่องหมาย (*) นั้นต้องมีความตกลงของสมาชิก)

        1. i. Facebook :ID, รูปประจำตัว, เพศ, วันเกิด, ชื่อเล่นในระบบ

        2. ii. Google : ชื่อ, ชื่อเลนในระบบ, ID, *อีเมล

      2. เพื่อสมัครสมาชิก, ลงทะเบียน, เปิดใช้งานบัญชี, การให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า, รวมทั้งการให้บริการ ต่างๆ ทางบริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีประเด็น ได้แก่

      3. อีเมล หรือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ รหัสผ่าน นอกจากนี้ในขั้นตอนต่างๆ ของการใช้บริการ มีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เพศ วันเกิด เป็นต้น

      4. IP Address, cookie, วันเวลาเข้าถึง, ประวัติการใช้บริการตามปกติ, ประวัติการใช้บริการที่ผิดปกติ,ข้อมูลอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ (รุ่นอุปกรณ์, เครือข่ายที่ใช้, hardware ID, ข้อมูลสถิติพื้นฐานสำหรับการใช้บริการ), ข้อมูล application ที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์, ข้อมูลการจ่ายเงิน

    2. b. วิธีเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
      1. บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

      2. เว็บไซต์, แอพพลิเคชั่น, อุปกรณ์มือถือ, เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร, แฟกซ์(fax), โทรศัพท์, กระดานประกาศ, อีเมล, การลงทะเบียนผ่านอีเวนต์(Event), การขอส่งทางไปรษณีย์, โซเชียลมีเดีย และบริการที่เกี่ยวข้อง

      3. บริษัทคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

      4. เครื่องมือที่ช่วยใช้สำหรับเก็บข้อมูลเพื่อใช้บริการ

    3. c. นอกจากนี้บริษัทยังสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่สำหรับกรณีนี้บริษัทจะขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนล่วงหน้า

2. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์การใช้

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและมีวัตถุประสงค์การใช้ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาเรื่องการให้บริการและการคิดคำนวณค่าของการให้บริการวรรณกรรมการ์ตูนออนไลน์ หรือเนื้อหาต่างๆ การส่งสินค้า หรือส่งใบแจ้งหนี้ การทำตรวจสอบหรือยืนยันผู้ใช้งาน การซื้อหรือการจ่ายเงิน การตามหาเพื่อชำระเงิน

  2. เพื่อการบริหารข้อมูลสมาชิก ในการให้บริการเฉพาะแก่สมาชิก, การตรวจสอบสมาชิกแต่ละรายเพื่อป้องกันสมาชิกที่ประพฤติไม่พึงประสงค์ (สมาชิกที่ฝ่าฝืนข้อกฎบังคับ) ให้ได้รับการถูกจำกัดการใช้หรือถูกถอนออกจากเป็นสมาชิก, การตรวจสอบความสมัครใจในการเป็นสมาชิก, การจำกัดจำนวนการสมัครสมาชิก, การได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองหากจะเก็บข้อมูลสมาชิกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ, การตรวจสอบหรือการยืนยันผู้ปกครอง, การเก็บประวัติไว้เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น, การแก้ไขความไม่พอใจของสมาชิก และการประกาศแจ้งข้อมูลต่างๆ

  3. เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาบริการใหม่, การโฆษณาและการตลาด, การปรับปรุงการให้บริการให้ตรงตามความต้องการ, การให้บริการและการโฆษณาตามลักษณะทางประชากรศาสตร์, การตรวจสอบหรือการยืนยันผลของบริการ, การให้ข้อมูลเชิงพาณิชย์และอีเวนต์รวมถึงการให้โอกาสมีส่วนร่วม, การตรวจสอบความบ่อยครั้งในการเข้าถึงหรือการใช้บริการ และการวิเคราะห์สรุปผลเชิงสถิติของการใช้บริการของสมาชิก

3. การใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง

  1. บริษัทมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทคู่ค้าในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานทางเว็บไซต์ คือ Google Analytics โดยข้อมูลที่ถูกเก็บด้วย Google Analytics นี้ บริษัทจะไม่นำข้อมูลที่ได้จากการใช้งาน Google Analytics มารวมเข้ากับข้อมูลที่สามารถชี้ตัวบุคคลได้ ถึงแม้ว่า Google Analytics จะมีการสร้างคุกกี้ถาวรบนเว็บเบราว์เซอร์ของสมาชิกเพื่อชี้เฉพาะตัวบุคคลในฐานะผู้ใช้งานเฉพาะสำหรับการใช้งานในครั้งถัดไปก็ตาม แต่จะไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานคุกกี้นั้นได้นอกจาก Google ความสามารถในการใช้งานและเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมโดย Google Analytics เกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของสมาชิกนั้น จะถูกจำกัดโดยข้อตกลงบริการของ Google Analytics และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google หากต้องการหยุดส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ สามารถทำได้ทาง Google Analytics opt-out และทำการติดตั้ง add-on สำหรับเบราว์เซอร์ของสมาชิกได้

  2. บริษัทมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทคู่ค้าในการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานทางแอพพลิเคชั่น คือ Facebook Analytics for Apps และ Tune เครื่องมือเหล่านี้ให้ความช่วยเหลือบริษัทในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานบริการของสมาชิก โดยอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของสมาชิก เช่น IP Address, การติดตั้งแอพพลิเคชั่น, เพศ, อายุ และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นการใช้งานภายในบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะไม่รวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์ในการชี้เฉพาะตัวบุคคล โดยสมาชิกสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านี้

4. ระยะเวลาการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. a. โดยหลักการ

    1. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ถูกลบทิ้งไปเมื่อนำมาใช้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บและการใช้ข้อมูล ส่วนบุคคล แต่เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ขอยกเลิกการเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ตั้งใจ บริษัทก็เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ขอยกเลิกการเป็น สมาชิกเป็นระยะเวลา 7 วัน

    2. สำหรับกรณีดังต่อไปนี้เป็นกรณีพิเศษที่บริษัทเก็บไว้โดยมีเหตุผลและระยะเวลาตามกำหนดและจะไม่นำไปใช้ ในวัตถุประสงค์อื่นๆ อย่างเด็ดขาด

  2. b. กรณีตามนโยบายของบริษัท

  3. c. กรณีตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    1. ประมวลกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น ระบุให้บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เหตุผลและระยะเวลา ดังนี้

      1. ข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับทาง โทรคมนาคม ระยะเวลาที่กำหนด : 3 เดือน

      2. ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขความไม่พอใจของผู้บริโภคหรือความขัด แย้ง เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 3ปี

      3. ข้อมูลเกี่ยว กับการลงนามสัญญา หรือยกเลิกการลงนามข้างท้าย เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทาง อิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 5ปี

      4. ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายค่าบริการและการขนส่งสินค้า เหตุผลที่เก็บ : กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาที่เก็บ : 5ปี

5. ขั้นตอนและวิธีการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ขั้นตอนในการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้

    1. a. บริษัทขอสงวนสิทธิในการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที ่เป็นเจ้าของได้ ในกรณีที ่ผู ้ใช้บริการมิได้เข้าใช้บริการแพลตฟอร์มและข้อมูลส่วนบุคคลของผู ้ใช้บริการถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลาเกินกว่า 5 ปี ทั ้งนี้ ให้เป็นตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ในนโยบายของบริษัทเกี ่ยวกับวิธีการและขั ้นตอนการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วน บุคคลเป็นข้อมูลที ่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที ่เป็นเจ้าของได

    2. b. ผู ้ใช้บริการมีสิทธิที่จะร้องขอให้บริษัทดำเนินการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที ่ไม่สามารถระบุตัว บุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

        1. i. เมื ่อได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที ่บริษัทกำหนดแล้ว

        2. ii. เมื ่อผู้ใช้บริการมีความประสงค์จะถอนความยินยอมในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เนื ่องจากบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย อื่นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

        3. iii. เมื ่อผู ้ใช้บริการได้คัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนและบริษัทไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั ้นอยู ่บน พื้นฐานอันชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อการก่อให้เกิดสิทธิ ใช้สิทธิ หรือ ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามกฎหมาย

        4. iv. เมื่อมีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดแบบตรง

        5. v. เมื่อมีการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    3. c. เมื ่อผู ้ใช้บริการร้องขอให้ลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที ่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที ่เป็นเจ้าของได้ บริษัทจะดำเนินการตามคำขอของผู ้ใช้บริการโดยทันทีหรือภายในระยะเวลา 90 วันนับจากได้รับคำขอ โดยจะปฏิบัติตามวิธีการ และขั้นตอนการลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ของบริษัท ข้างต้น รวมถึงกฎหมายและกฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับนโยบายความเป็นส่วนตัว

    4. d. ในกรณีที ่ไม่สามารถดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที ่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที ่เป็นเจ้าของได้โดยทันทีหรือนับแต่ได้ รับคำขอจากผู ้ใช้บริการ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะถูกโอนไปยังระบบฐานข้อมูลเฉพาะของบริษัทและจะถูกจัดเก็บในรูปแบบที่ ยากต่อการเข้าถึง รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการ

    5. e. ดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าขั้นตอนดังกล่าวไม่สามารถย้อนกลับได้ ไม่สามารถกู้คืนข้อมูลส่วนบุคคลได้ และไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้หรือในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหลังจากนั้น ทั้งนี้ หาก การดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้นั้นไม่สามารถดำเนินการได้ บริษัทจะแจ้ง ให้ผู้ใช้บริการทราบพร้อมอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่สามารถดำเนินการได้ดังกล่าว

    6. f. คำขอต่าง ๆ สามารถส่งให้แก่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท โดยส่งมาที่ comicoth.cs@kidaristudioth.com

6. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

  1. ผู้ใช้บริการมีสิทธิในการเข้าถึง ตรวจสอบ แก้ไขและลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมทั้งมีสิทธิร้องขอให้ระงับและถอนความยินยอมหรือคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยส่งคำขอใช้สิทธิเข้าถึง ตรวจสอบ แก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางอีเมล comicoth.cs@kidaristudioth.com

  2. บริษัทจะตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการทันที เมื่อได้รับคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน เว้นแต่กรณีจำเป็นที่ต้องมีขั้นตอนพิเศษในการแก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบหลังจากดำเนินการแก้ไขหรือลบทิ้งข้อมูลตามคำขอใช้สิทธิ

  3. กรณีใช้สิทธิร้องขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการจะไม่ใช้หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องจนกว่าการแก้ไขจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้หากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้รับข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องไปแล้ว บริษัทจะแจ้งผลการแก้ไขแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นทันทีเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขต่อไปได้

7. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ด้วยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้บริการ ซึ่งมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบนเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย สามารถป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลสูญหาย การนำไปใช้โดยมิชอบ การรั่วไหล การแก้ไขดัดแปลง ตลอดจนความเสียหายที่เกิดขึ้น

    1. a. บริษัทใช้ระบบการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ รหัสผ่านและวิธีการชำระเงินตามมาตรฐานที่กฎหมายและกฎข้อบังคับกำหนด รวมทั้งใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในการเข้ารหัสไฟล์หรือการถ่ายโอนข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

    2. b. บริษัทตระหนักอย่างยิ่งในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการกรณีรั่วไหล เสียหายจากการแฮกข้อมูลหรือไวรัสคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้บริษัทจะสำรองข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีเพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า และใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเวอร์ชันล่าสุด เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการรั่วไหลหรือสูญหาย สามารถส่งต่อข้อมูลบนเครือข่ายได้อย่างปลอดภัยผ่านการสื่อสารด้วยวิธีเข้ารหัส นอกจากนี้บริษัทยังใช้ระบบป้องกันการรุกล้ำ เพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการจัดหาอุปกรณ์ทางเทคนิคทั้งหลายที่จำเป็นมาใช้ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล เว็บไซต์ การรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ตลอดจนการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายยังไม่มีความปลอดภัยโดยสมบูรณ์ บริษัทจึงขอความร่วมมือจากผู้ใช้บริการให้ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

      1. แนะนำให้เปลี่ยนรหัสผ่านของท่านเป็นระยะ และอย่าเปิดเผยไอดีกับรหัสผ่านของท่านแก่บุคคลอื่น

      2. ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสของท่านอย่างสม่ำเสมอ

      3. หลีกเลี่ยงการเข้าถึงข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้เว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลดโดยไม่คิดค่าบริการ

8. การใช้คุกกี้

    1. a. คุกกี้ (cookie) คืออะไร?
      1. บริษัทมีการใช้คุกกี้ในการจัดเก็บและติดตามข้อมูลของผู้ใช้บริการในบางโอกาส เพื่อให้บริการที่เป็นส่วนบุคคลและปรับให้เหมาะสมตามการใช้งานยิ่งขึ้น คุกกี้เป็นข้อมูลขนาดเล็กหรือข้อความที่ส่งไปยังเบราว์เซอร์เมื่อท่านเยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งจะถูกจัดเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของท่าน

    2. b. วัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้
      1. ใช้สำหรับวิเคราะห์แต่ละประเภทการใช้งานและบริการของบริษัท หลังจากผู้ใช้บริการเข้ามาใช้งานแล้ว จะช่วยให้เว็บเซิร์ฟเวอร์นำเสนอเนื้อหาที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากที่สุดโดยการอ่านข้อมูลของคุกกี้ที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้บริการ

    3. c. การติดตั้ง จัดการและปฏิเสธคุกกี้
      1. ผู้ใช้บริการมีทางเลือกในการติดตั้งคุกกี้ ดังนั้นท่านสามารถอนุญาตให้ใช้คุกกี้ทั้งหมดได้ หรือจะตรวจสอบทุกครั้งที่มีการจัดเก็บคุกกี้ ตลอดจนปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ทั้งหมด โดยการตั้งค่าตัวเลือกบนเว็บเบราว์เซอร์ของท่านเอง

      2. อย่างไรก็ตามกรณีผู้ใช้บริการปฏิเสธการติดตามโดยคุกกี้ ท่านอาจไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากเว็บไซต์อย่างเต็มที่หรือเข้าไม่ถึงฟังก์ชันทั้งหมดของเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นการจำกัดประสบการณ์การใช้งานโดยรวมของท่าน

9. การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ

  1. บริษัทสามารถโอนข้อมูลที่รวบรวมไว้ไปยังต่างประเทศเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้ โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล

  2. บริษัทจะแบ่งปันข้อมูลเป็นการภายในและแบ่งปันข้อมูลแก่พันธมิตรทางธุรกิจภายนอกบริษัท หากพบว่ามีการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะระงับการโอนข้อมูลจากต่างประเทศทันที

10. ความเป็นส่วนตัวของผู้เยาว์

  1. กรณีผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ผู้แทนโดยชอบธรรมมีสิทธิสอบถามหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรักษาไว้ รวมทั้งมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  2. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์สามารถใช้สิทธิในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทุกเมื่อ

11. การแบ่งปันและการให้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ตามกฎของบริษัทจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ให้แก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ อย่างไรก็ตามกรณีดังต่อไปนี้นับเป็นข้อยกเว้น

    1. a. เมื่อผู้ใช้ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูล
    2. b. เมื่อมีคำสั่งทางกฎหมาย

12. การสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หากมีคำถาม หรือข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ comicoth.cs@kidaristudioth.com

13. การแก้ไขนโยบายในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หากมีการเพิ่มเติม แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบ อันก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะทำการแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ใช้ เช่น การใช้ประโยชน์ การเก็บหรือการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม