Prologue
โครม
การปรากฏตัวที่มาพร้อมกับเสียงดังเอะอะ สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ และระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ
ตีสาม เวลาที่ทุกคนกำลังนอน แล้วแบบนี้จะไม่ให้โดนด่าได้ยังไง ทั้งที่หมอนั่นก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเวลานอนใครอีกคนนั้นหูไวต่อเสียงมากแค่ไหน แต่ก็ยังจะส่งเสียงดังในยามวิกาลแบบนี้อีก เสียงปิดประตูดังก่อนที่ความโมโหจะพุ่งสูงมากขึ้น เขาพาเอาลมเย็นๆ พร้อมกับกลิ่นเหล้าที่ลอยหึ่งมาตามลม เข้ามาทักทายคนที่อยู่ด้านในแทนเสียงของเจ้าตัว
“เฮ้อ…….”
เสียงถอนหายใจกับเสียงเหมือนคนใกล้อาเจียนดังปะปนกันในห้องมืดๆ กลิ่นเหม็นเหล้าที่น่าปวดหัวฟุ้งไปทั่วร่างกายของผู้มาเยือน สิ่งแรกที่ผมนึกขึ้นได้คืออยากจะตีเขาให้ตาย แต่ว่าในความเป็นจริงกลับทำแบบนั้นไม่ได้ เลยเปลี่ยนความคิดเป็นมาด่าอีกฝ่ายแทน
ผมนึกถึงใบหน้าของอีกคนเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่ยิ้มหน้าบานมาบอกว่าได้งานทำแล้ว คงจะยื่นใบสมัครเอาไว้หลายที่ ทั้งที่ผมก็ให้เงินใช้ แต่เขาอยากหาเงินใช้เอง เพราะไม่อยากเป็นเหมือนพวกขายตัว แม้ว่าตอนแรกทุกอย่างระหว่างเราจะเริ่มต้นขึ้นด้วยการขายตัวก็ตาม
ทว่าการทำงานหาเงินไปพร้อมๆ กับดูแลผมดำเนินไปได้เพียงแค่เดือนเดียว สุดท้ายก็ขอให้เขาออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ผมชอบเวลาที่กลับบ้านมาแล้วมีอีกคนกำลังนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นพร้อมทั้งดู TV ไปด้วย พอเห็นผมเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาทั้งที่ยังไม่ได้เก็บรองเท้าเข้าตู้เพื่อช่วยถือกระเป๋ากับสูท แต่ชอบที่สุดก็คงเป็นร่องรอยความดีใจบนใบหน้าตอนถามว่ากลับมาแล้วเหรอ รวมไปถึงการได้จูบลงไปที่ริมฝีปากหนาๆ นั่นแทนการตอบคำถาม
แต่ถึงจะหางานใหม่ได้ เขาก็ยังรอผมกลับบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม แต่วันนี้ความว่างเปล่าในห้องนั่งเล่นเรียกเสียงสบถจากปากของผมได้เป็นอย่างดี พาลให้นึกถึงข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อตอนบ่าย
[วันนี้มีกินเลี้ยงนะครับㅠ น่าจะดึก]
[ไม่โกรธนะㅠㅠ]
[จะรีบกลับให้เร็วที่สุด ^^;]
[ถ้าเหนื่อยก็นอนก่อนได้เลยครับ]
คงกลัวว่าจะโดนด่าถึงได้ส่งข้อความมาบอกแทนการโทร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องใช้ความพยายามในการข่มความโกรธของตัวเอง แล้วทำข้อความที่ส่งมานั้นไม่ได้สำคัญอะไร แต่เมื่อได้นั่งลงบนเตียงอันว่างเปล่าเพียงลำพังก็อดที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดูไม่ได้อยู่ดี เพราะคิดว่ามันอาจจะช่วยข่มความไม่พอใจลงไปได้บ้าง
[จบร้านแรกแล้วครับ ^^ ผมไม่ได้ดื่มเหล้าเลย! เดี๋ยวจะรีบหนีจากร้านที่สองไวๆ นะ^^]
ผมเข้าไปอาบน้ำหลังจากอ่านข้อความสุดท้าย แล้วออกมาเปิดข่าวดึกดูไปพร้อมกับอ่านแผ่นพับการแสดงที่จะไปดูไปด้วยกัน จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงตีหนึ่ง ความหงุดหงิดของผมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเพราะเขาไม่ยอมรับสาย มันอาจจะดูเป็นเรื่องตลกที่ผมต้องนั่งรอผู้ชายที่โตแล้วคนนั้นด้วยความกังวลใจ แต่ความง่วงจากการนอนอดนอนก็ทำให้เปลือกตาของผมปิดลงอย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้อ……ฟู่…….”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ร่างกายเปลือยเปล่าที่มาพร้อมกับกลิ่นเหล้าของเขาก็แทรกเข้ามาในผ้าห่ม ผมสัมผัสได้ว่าส่วนกลางลำตัวของเขากำลังสัมผัสร่างกายของผม ที่คนที่มักจำส่วมเสื้อผ้าทุกครั้งหลักจากมีเซ็กส์กัน แต่กลับเข้ามาในผ้าห่มทั้งที่ร่ายกายเปลือยเปล่าแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน เขาอยากมีอะไรกับผมตอนนี้อย่างนั้นเหรอ หรือว่าต้องการจะปลอบใจไม่ให้โกรธอย่างนั้นเหรอ ทำไมต้องทำอะไรไร้สาระแบบนี้ด้วย
กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นบุหรี่คลุ้งไปทั่วตัวของเขา จนผมอยากจะใช้เท้ายันอีกคนออกไปนอกผ้าห่มให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็ถูกแขนของอีกคนกอดเอาไว้แน่นจนแทบขยับตัวไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เหมือนจะมีแรงมากกว่าผมไปแล้ว เส้นผมของเขาที่ระอยู่ใต้คางทำให้รู้สึกจั๊กจี้ไม่น้อย ยิ่งลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ถ้าจะให้มีอะไรกันทั้งสภาพนี้คงจะน่าคลื่นไส้ไม่น้อย ผมเอื้อมมือไปจับที่แขนของเขาแล้วพยายามดันออกเพื่อจะได้บ่นอย่างที่ใจต้องการ
“……นี่……. ลีซูชาน”
“อื้อออ……. กี……อู”
ลีซูชานเรียกผมว่า ‘กีอู’ อย่างนั้นเหรอ อยากตายจริง ๆ อย่างนั้นสินะ กล้าดียังไงมาขัดคำสั่งของผมกัน วันนี้ลีซูชานแสดงความไม่เป็นตัวของตัวเองให้ผมเห็นไปกี่อย่างแล้ว เมาจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ เปลือยทั้งตัวขึ้นมานอนบนเตียงพอ ยังเรียกชื่อผมห้วน ๆ อีก การได้เห็นลีซูชานเมาครั้งแรกเป็นอะไรที่แปลกใหม่ไม่น้อย การถอดเสื้อผ้าแล้วปีนขึ้นเตียงเอาร่างกายมาเบียดถูกับผมแบบนี้ มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากพอตัว แต่ผมไม่ได้ไม่รักลีซูชานมากจนมองข้ามเรื่องการลำดับขั้นความอาวุโส หมอนี่เด็กกว่าผมเกือบสิบปีไม่ใช่หรือ
“เสียสติไปแล้วอย่างนั้นเหรอ ลีซูชาน”
“อือ……. กีอู……กีอู”
สงสัยผมต้องทำตัวเป็นลุงแก่ๆ อีกแล้ว ริมฝีปากของลีซูชานเอาแต่เรียกชื่อผมออกมาพร้อมรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ อยากจะต่อยหน้าโง่ๆนั่นสักหมัด แต่ก็ถูกมือคู่ใหญ่ของลีซูชานจับไว้เสียก่อน ผมพยายามดิ้นเพื่อดึงมือออกจากการจับกุม แต่ก็สู้แรงของอีกคนไม่ได้
ลีซูชานยกข้อมือของผมไปวางไว้เหนือหัว ก่อนที่ลิ้นร้อนๆ จะถูกป้อนเข้ามาในโพรงปากอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ‘ฮึก’ ลมหายใจของผมขาดห้วง กลิ่นบุหรี่ที่คลุ้งในปากนี่มาจากไหน ลีซูชานสูบบุหรี่ด้วยอย่างนั้นเหรอ ผมพยายามใช้ลิ้นดันลิ้นของอีกคนออกไป แต่มันกลับถูกดูดดึงอย่างแรงแทน ให้ตายเถอะ ไปเอาแรงมาจากไหนนักหนา เมาเหล้าจริงไหมเนี่ย นั่นยิ่งทำให้ข้อมือของผมถูกกดน้ำหนักลงไปอีก
การรุกรานจากริมฝีปากและลิ้นร้อนยังไม่จบลงง่าย ๆ ผมจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว ความโกรธที่เพิ่งหายไปกลับมาอีกครั้ง ผมตั้งใจจะเตะคืนสักที แต่ลีซูชานกลับเปลี่ยนมารวบข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ด้วยมือเดียว ส่วนอีกข้างก็ล้วงลงไปที่เป้ากางเกง ขาของเขาแทรกลงมากั้นตรงหว่างขาของผมไว้ไม่ให้หุบขาหนีอย่างที่ใจต้องการ อ่า อันตรายแล้วนะ ลีซูชานคนที่ไม่เคยมีปากมีเสียงคนนั้นกลายเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน
“ฮ่ะ……! เวรเอ๊ย……. อ่ะ…… อึ่ก!”
ลมหายใจถูกทำให้เสียจังหวะ พร้อมทั้งคำก่นด่าที่กำลังจะหลุดออกมานั้นถูกดูดกลืนกลับเข้าไปในคออีกครั้งด้วยริมฝีปากของเขาที่แนบลงมา หลงเหลือไว้เพียงเสียงครางเล็กๆ ของผมเท่านั้น ในขณะที่มือของลีซูชานก็ยังคงรุกรานส่วนล่างของผมอย่างไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าร่างกายของผมตอบสนองมันอย่างไม่มีทางเลือก ความรู้สึกวาบหวามแล่นไปทั่วทั้งท้องน้อยจนสุดปลายเท้า ผมไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอดอยากกับเรื่องแบบนี้ แต่ร่างกายก็ยังตอบสนองไวเกินไปอยู่ดี เสียงครางเล็ดรอดออกจากจากลำคอเมื่อหัวแม่มือของเขากดลงที่ส่วนปลายความอ่อนไหว ก่อนที่ผมจะปลดปล่อยออกมาในที่สุด
“ฮ่ะ……. อ่า…….”
“ฮึก……. อ่ะ……. ไอ้เวร……! อยากตายจริง ๆ ใช่ไหม?!”
“เจ็บ…… อื้อ…….”
เสียงอ่อยๆ แกล้งทำเป็นร้องเจ็บทั้งที่เพิ่งจะเลียของเหลวจากร่างกายผมที่นิ้วตัวเองไปหยกๆ ผมเกลียดขายาวๆ สองข้างนั่นจริง ๆ ทั้งที่ความรู้สึกจากการปลดปล่อยเมื่อครู่ยังไม่หายไปไหน แต่ลีซูชานกลับใช้ขาของเขาแยกขาของผมออก ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบลงมาอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ความมึนเมาจากพิษของเหล้าทำให้เขามีความต้องการมากกว่าปกติ และผมก็ไม่อาจจะขัดขืนความต้องการนั้นได้ และกำลังปลุกส่วนกลางลำตัวของผมให้ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งด้วยฝีมือของแข
ลีซูชานเป็นผู้ชาย ผมเองก็ผู้ชายเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ไม่สิ ต้องบอกว่ามันไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเราทั้งคู่ต่างหาก
เมื่อครึ่งปีก่อน ผมใช้เงินซื้อลีซูชานมา
คอนเทนต์ทุกเรื่องสามารถอ่านผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือได้ทั้งหมด